À Bientôt Colmar 🍁: มนต์เสน่ห์แห่งโกลมาร์...ที่(เกือบ)พลาดไป!
ทริปยุโรปหนล่าสุด หลังจากทำงานหัวหมุนในฝรั่งเศสมานาน ผมตัดสินใจให้รางวัลตัวเองด้วยวันหยุด 1 สัปดาห์เต็มๆ! จริงๆ แพลนเดิมคือปักหลักปารีส แล้วตะลุยเยอรมนี ลักเซมเบิร์ก เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ก่อนกลับไปทำงานที่ลีลล์ แต่เหมือนพรหมลิขิตจะนำพา... วันหนึ่งไถ Instagram เพลินๆ ไปเจอรูปโกลมาร์! วินาทีนั้นคือปักหมุดลง bucket list ทันที แล้วเรื่องราวความรักกับ "เวนิสน้อย" ก็เริ่มต้นขึ้น 😉
ทำความรู้จัก "โกลมาร์" เมืองสวยแห่งแคว้นอาลซัส
โกลมาร์ (Colmar) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เป็นเมืองในแคว้นอาลซัส (Alsace) ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของแคว้น และยังตั้งอยู่บนเส้นทาง Route du Vin (เส้นทางไวน์) ชื่อดัง ซึ่งมีเมืองหลักๆ อย่าง สตราสบูร์ก (Strasbourg), โกลมาร์, เอกิสไฮม์ (Eguisheim) และริควีร์ (Riquewihr) ไฮไลท์ที่ใครมาโกลมาร์ก็ห้ามพลาดคือ Petite Venise – เวนิสน้อย นั่นเอง!
สมชื่อจริงๆ เพราะ Petite Venise เล็กจิ๋ว น่ารักเหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย! พื้นที่ทั้งหมดถูกจำกัดอยู่ระหว่าง Marché couvert (ตลาดในร่ม), Quai de la Poisonnerie (ท่าเรือขายปลา) ไปจนถึงถนน Saint-Pierre เต็มไปด้วยคลองเล็กๆ บ้านเรือนสีสันสดใส และผม...เด็กหนุ่มตัวเล็กๆ ที่หลงเข้าไปในหมู่บ้านแห่งเทพนิยาย
1. การเดินทางไปโกลมาร์: จะประหยัดหรือจะสบาย?
การเดินทางจากปารีสไปโกลมาร์มีหลายวิธี ถ้าอยากประหยัดก็เลือกนั่งรถบัสกลางคืนของ FLIXBUS หรือ ISILINES ได้เลย ราคาประมาณ 22-25 ยูโร (ลองเช็คใน goeuro.com) ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง หรือจะนั่งรถไฟ TGV ที่ราคาสูงกว่า แต่ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงครึ่ง ผมเลือก TGV เพราะคิดว่าถ้าต้องเลือกระหว่างประหยัดเงินกับประหยัดเวลา ผมขอเลือกประหยัดเวลาดีกว่า! จะได้มีแรงเที่ยวเยอะๆ
เล่ามาถึงตรงนี้ มีเรื่องตลก (ปนเจ็บใจ) ที่อยากแชร์ให้ฟัง จะได้เป็นบทเรียน! คือผมจองตั๋ว TGV ของ OUIGO ล่วงหน้า 1 สัปดาห์ ราคาแค่ 39 ยูโรเอง แถม OUIGO มีรอบเดียวคือออกจาก Gare de l'Est ตอน 9:25 น. ทุกวัน! คืนก่อนเดินทาง ผมไปเที่ยวปารีสมาทั้งวัน พอกลับถึงที่พักก็เหนื่อยจนขี้เกียจเช็คตั๋ว คิดเอาเองว่ารถไฟออก 11 โมง! ผลคือ...ไปถึงสถานีไม่ทัน! ต้องซื้อตั๋วใหม่ในราคา 105 ยูโร! เจ็บปวดสุดๆ ทำให้ทริปโกลมาร์ครั้งนี้ "แพง" เป็นพิเศษ เรียกได้ว่าค่าเดินทางไปโกลมาร์ ผมเอาไปเที่ยวเมืองไทยได้สบายๆ 1 สัปดาห์เลยนะเนี่ย!
2. ที่พักในโกลมาร์: เลือกทำเลดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
ผมไปถึงโกลมาร์ตอน 19:30 น. ตรงดิ่งไปเช็คอินที่โรงแรมเพื่อพักผ่อน แล้วค่อยออกไปสำรวจโกลมาร์ยามค่ำคืน ที่พักในโกลมาร์ค่อนข้างแพงถ้าอยู่ในใจกลางเมือง ผมเลือก Brit Hotel Primo Colmar Centre เพราะใกล้ทั้งสถานีรถไฟและใจกลางเมือง ราคา 56 ยูโรต่อคืน (สำหรับ 1 คน) พอถึงโรงแรมก็เหนื่อยมาก เพราะเดินเยอะที่ปารีสมาทั้งวัน เลยตัดสินใจจัดกระเป๋า อาบน้ำ แล้วนอนเอาแรง เตรียมออกไปเริงร่าในเมืองตอนกลางคืน :)
3. กิน เที่ยว โกลมาร์: สวรรค์ของคนรักบรรยากาศ
โกลมาร์ยามค่ำคืนโรแมนติกสุดๆ! แสงไฟหลากสีส่องสว่าง ร้านอาหารริมคลองประดับประดาอย่างสวยงาม มีหงส์ขาวว่ายน้ำไปมา ถนนเล็กๆ กับบ้านเรือนสีสันสดใส เดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอร้านไวน์ในบ้านเก่าแก่ บาร์เทนเดอร์สาวชาวฝรั่งเศสสวยสะพรั่ง แนะนำให้ผมลอง Rosé d'Alsace 2017 จิบไวน์เคล้าเสียงคลอง La Lauch ท่ามกลางอากาศเย็นๆ มันช่างอบอุ่นและมีความสุขจริงๆ! บอกเลยว่าไวน์ที่นี่อร่อยมาก! พอกลับไปลีลล์ เพื่อนร่วมงานก็บอกว่าไวน์ขาวเป็นของขึ้นชื่อของแคว้นโกลมาร์
หลังจากสูดอากาศโกลมาร์ยามค่ำคืนจนเต็มปอด ผมก็กลับโรงแรมไปพักผ่อน เริ่มรู้สึกหิว เลยไปเจอร้าน Kebab โดยบังเอิญ ดูเหมือนจะเป็นร้านอาหารแบบครอบครัว ผมเลยให้เจ้าของร้านแนะนำ แล้วสั่ง Tacos kebab ในราคา 4.5 ยูโร! พระเจ้า! คุ้มค่าเกินราคา! ชิ้นใหญ่ แถมอร่อยสุดๆ! ฟินกับค่ำคืนนี้ :)
แค่สูดอากาศบริสุทธิ์ในโกลมาร์ตอนเช้าก็รู้สึกอิ่มแล้ว! เดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็เจอร้านเบเกอรี่และช็อกโกแลตเล็กๆ น่ารัก ผมเลยตัดสินใจกินอาหารเช้าที่นี่! มื้อเช้าของผมมี ครัวซองต์ (Croissant) และขนมปังเค็ม Bretzels ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ แต่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะมันเค็มมาก! เค็มแบบเกลือทะเล กินแล้วคอแห้งเลย :)) โกลมาร์ยังมี Choucroute (ไส้กรอกหมักกะหล่ำปลี) เป็นอาหารขึ้นชื่อด้วย แต่เสียดายที่ไม่รู้ ตอนกลับไปฝรั่งเศส เพื่อนร่วมงานถึงบอก แล้วแนะนำให้ซื้อแบบกระป๋องจากซุปเปอร์มาร์เก็ต กลับไปลองกินที่เวียดนาม
ผมเดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ แล้วรอจนถึง 10 โมงเช้า เพื่อไปที่ตลาด Marché couvert (ตลาดในร่ม) ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1863-1865 โดยสถาปนิก Louis-Michel Boltz ตลาดเปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้า Marché Couvert อยู่ใกล้กับ Petite Venise ขายผักผลไม้สดใหม่ และผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ รวมถึงไวน์ที่ผลิตในท้องถิ่น พอเห็นใบ Mint, ใบ Basel และมะเขือเทศลูกเล็กๆ น่ารัก Passion ในการทำอาหารของผมก็พลุ่งพล่าน อยากซื้อไปหมด แต่ซื้อไปก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีครัว T_T แต่ผมซื้อนมสดอร่อยๆ ราคาถูกมาก! จำได้ว่าแค่ลิตรละ 1.5 ยูโรเอง
โกลมาร์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส ตั้งอยู่ห่างจากสตราสบูร์ก (Strasbourg) เมืองหลวงของแคว้นอาลซัส (Alsace) ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 64 กิโลเมตร โกลมาร์มีชื่อเสียงเรื่องตลาดคริสต์มาสในช่วงเทศกาล Noel แต่จริงๆ แล้วเขาขายกันตลอดทั้งปี แค่ขายในร้าน เลยไม่สวยงามอลังการเหมือนช่วงคริสต์มาสเท่านั้นเอง ผมไปช่วงฤดูร้อน เลยไม่ได้สัมผัสบรรยากาศคริสต์มาสเลย
ถ้ามาเที่ยวโกลมาร์ จะเห็นว่าบ้านเรือนส่วนใหญ่สร้างจากไม้ และได้รับการดูแลรักษาอย่างดี มีหน้าต่างสี่เหลี่ยมเป็นระเบียบ แต่ละบ้านทาสีแตกต่างกัน ทำให้โกลมาร์ยิ่งดูน่ารัก
โกลมาร์มีสัญลักษณ์ 2 อย่างที่โดดเด่น: อย่างแรกคือ นกกระสา (Cò): ในวัฒนธรรมตะวันตก นกกระสาสื่อถึงความโชคดี ความมั่งคั่ง และความอุดมสมบูรณ์ และนกกระสายังทำหน้าที่ส่งเด็กทารกไปให้พ่อแม่และครอบครัวด้วย! ถ้าใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Storks ก็จะเข้าใจสัญลักษณ์นี้มากขึ้น อย่างที่สองคือ ท่าน Bartholdi: จำได้ไหมว่าอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นของขวัญจากฝรั่งเศส? Frédéric Auguste Bartholdi ศิลปินชาวโกลมาร์ คือผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้! มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่ชื่อ Bartholdi Museum จัดแสดงภาพถ่ายและสิ่งของเครื่องใช้ในการทำงานและชีวิตของท่าน นอกจากนี้ ยังมีรูปปั้นเทพีเสรีภาพจำลองขนาดเล็กตั้งอยู่บนถนนหลวงที่นำไปสู่โกลมาร์ และในเมืองก็มีรูปปั้นของท่านอยู่หลายแห่ง รวมถึงมีถนนที่ตั้งชื่อตามท่านด้วย
โกลมาร์เป็นเมืองเล็กๆ แค่วันเดียวก็เที่ยวทั่วแล้ว แต่ผมเลือกพัก 2 วัน 1 คืน เพื่อดื่มด่ำบรรยากาศโกลมาร์ยามค่ำคืนให้เต็มที่
Yeahhh! เป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบและมีความหมายในชีวิตของผม ถ้ามีโอกาสจะกลับมาที่นี่ในช่วงคริสต์มาส เพื่อสัมผัสบรรยากาศ Noel ให้เต็มอิ่ม! 😘
จองโรงแรมในโกลมาร์ ฝรั่งเศสได้ที่นี่: https://www.booking.com/city/fr/colmar.en.html?aid=2176036&no_rooms=1&group_adults=2
``` **หมายเหตุ:** * ผมพยายามคงเนื้อหาและโครงสร้างเดิมไว้ให้มากที่สุด * ปรับภาษาให้เป็นธรรมชาติ น่าสนใจ และกระตุ้นความอยากรู้ * แทรกอิโมจิ (เช่น 🍁, 😉, , 😊) เพื่อเพิ่มความสดใส * ใช้แท็ก HTML อย่างเหมาะสมเพื่อจัดรูปแบบเนื้อหาให้สวยงาม อ่านง่าย และเป็นมิตรกับ SEO * หลีกเลี่ยงการใช้คำหลักซ้ำๆ มากเกินไป * ไม่มีการเพิ่มเนื้อหาใหม่ นอกเหนือจากเนื้อหาเดิม * ปรับชื่อหัวข้อให้ดึงดูดมากขึ้น หวังว่าฉบับปรับปรุงนี้จะถูกใจนะคะ! 😊