Royal Caribbean Cruise และ eSIM อินเทอร์เน็ตบนเรือสำราญ: ประสบการณ์จริงจากนักเดินทาง!
หลังจากล่องเรือสำราญลำใหญ่ๆ มาหลายครั้ง คราวนี้เราลองเปลี่ยนบรรยากาศมาที่ Adventure of The Sea ซึ่งเป็นเรือลำเล็กและเก่าแก่ของ RCI บ้าง! ทำไมถึงเลือกเรือลำนี้? เพราะช่วงนั้นมีโปรโมชั่นนาทีสุดท้ายราคาดี๊ดี แถมวันเดินทางก็ลงตัวกับครอบครัว ที่สำคัญคือเส้นทางเดินเรือแวะเกาะที่เรายังไม่เคยไปกันมาก่อน! ด้วยความที่เรือเล็ก คนเลยไม่เยอะ ครอบครัวเราไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวนาน หรือวางแผนตารางกิจกรรมบนเรือให้เป๊ะๆ สนุกกันแบบไม่ต้องเร่งรีบเลยค่ะ
อินเทอร์เน็ตบนเรือ: eSIM ช่วยชีวิต!
เรื่องอินเทอร์เน็ตบนเรือนี่สำคัญ! ทริปนี้เราใช้ eSIM ของ GigSky แบบ 3G data จ่ายไปแค่ $70 USD แชร์กันทั้งครอบครัว 4 คน คุ้มกว่าซื้อแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตของเรือที่ราคา $150 เยอะเลย! ปกติเราใช้เน็ตแค่เช็คอีเมลกับส่งข้อความนิดหน่อยระหว่างเที่ยว การจ่ายแพงๆ เลยไม่จำเป็น GigSky eSIM เวิร์คมากตอนเรือแล่นในทะเล ถึงเราจะพักห้อง inside stateroom ก็ยังมีเน็ตใช้ ส่งข้อความผ่าน WhatsApp, Signal, Messenger, ดู YouTube, เช็คอีเมลได้สบายๆ
แต่พอเรือเทียบท่าที่ท่าเรือต่างๆ สัญญาณอินเทอร์เน็ตอาจจะหายไปบ้าง เพราะมีการเปลี่ยนสัญญาณระหว่างทะเลกับบนบก ขึ้นอยู่กับเสาสัญญาณโทรศัพท์ของแต่ละพื้นที่ด้วย อย่างตอนเราอยู่ที่ Governor beach, Grand Turk อินเทอร์เน็ตใช้ไม่ได้ แต่ที่ Pueto Plata town กับ Cococay กลับใช้ได้ดีเลย ที่สำคัญคือ นี่ไม่ใช่ Wi-Fi ฟรีบนเรือนะคะ! บางคนคิดว่ามี Wi-Fi แล้วจะใช้แอปอะไรก็ได้ ซึ่งไม่จริงเสมอไป ถ้า bandwidth จำกัด ก็อาจจะใช้ได้แค่บางแอป อย่าง Wi-Fi ฟรีของ Adventure of the sea ใช้ได้แค่ RCI app ของเรือเท่านั้น เช็คอีเมลหรือส่งข้อความไม่ได้นะ!
อาหารบนเรือ: อร่อยคุ้มค่า ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม!
อาหารทริปนี้ไม่ได้ว้าวขนาดนั้น (ยังจำรสชาติอาหารอร่อยๆ สมัยล่องเรือเมื่อ 15-20 ปีก่อนได้เลย) แต่ beef steak ฟรีของ Adventure of The Sea นุ่มและอร่อยเป็นพิเศษ ครอบครัวเราไม่เน้นกินเยอะ ชอบลองชิมอาหารอร่อยๆ จากหลายประเทศที่เรือสำราญมีให้มากกว่า เลยไม่ค่อยเรื่องมาก ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มสำหรับ specialty dining ค่ะ
เครื่องดื่ม: เตรียมไปเอง ประหยัดกว่า!
เมื่อก่อน cruise lines ส่วนใหญ่ให้ผู้โดยสารนำเครื่องดื่มลงเรือได้ 12 ขวด/กระป๋อง (ไม่เกิน 502ml หรือ 17 oz ต่อขวด/กระป๋อง) และไวน์แดง/ขาว 2 ขวด (ห้ามเหล้าแรง) คราวนี้เราเตรียม CoCa 6 ขวด กับไวน์ที่ชอบ 2 ขวด แน่นอนว่าต้องจ่ายค่า service เพิ่ม แต่ก็ยังคุ้มกว่าซื้อ beverage packages บนเรือเยอะเลย!
ไฮไลท์แต่ละเกาะ:
- Grand Turk (Turks and Caicos): เกาะเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงเรื่องหาดทรายขาว น้ำทะเลใสแจ๋ว บางคนเช่า golf cars ขับรอบเกาะ (ราคา $180-$200 USD) แต่เราเลือกเดินจาก cruise port ไป Governor beach (ใช้เวลา 15-20 นาที) หาดทรายขาว น้ำทะเลใสสะอาด มีโขดหินเล็กๆ เหมาะกับการดำน้ำตื้นมาก! เราเตรียม snorkelling gears กับ life jackets ไปเอง สนุกกับการดูปลาสีสันสวยงามว่ายน้ำเล่น พอขากลับเรียกแท็กซี่คนละ $5 USD
- Pueto Plata (Dominican Republic): RCI cruise ships จอดที่ Taino Bay ซึ่งเป็น cruise port ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่นี่มี free big swimming pools, free lazy river, shopping areas, restaurants, little zoo ให้ใช้ฟรี! ใครอยากเที่ยวในเมือง Pueto Plata ก็เดินจาก port ไปได้ (ประมาณ 20 นาที) พอเดินออกจาก cruise port area ก็จะมี local tour guides เข้ามาเสนอ local city tour พวกเขาได้รับการฝึกอบรมและมี licences จากรัฐบาล Dominican เพื่อแนะนำและดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ตอนแรกเราก็ลังเล แต่มี tour guide คนนึงเดินตามและช่วยกั้นรถให้ข้ามถนนอย่างปลอดภัย เลยตัดสินใจใช้บริการซะเลย! ถ้าไม่มี local tour guide เราคงไม่ได้รู้เรื่องราวและได้ลองชิมอาหารท้องถิ่นมากมายในเวลา 3 ชั่วโมง ถ้า Cruise city tour คิดคนละ $60 แต่เราให้ทิป tour guide ไป $40 + เลี้ยงข้าว คุ้มกว่าเยอะ!
- Perfect Day Cococay: เกาะส่วนตัวของ RCI cruise line ใกล้กับ Bahama ที่นี่เหมือน RCI private resort มีกิจกรรมให้เล่นมากมายสำหรับทุกวัย เราจอง Thriller water park day pass ให้ลูกๆ เล่น ส่วนเรากับภรรยาก็ไปว่ายน้ำเล่นที่สระว่ายน้ำและชายหาด เราเตรียม snorkelling gears ไปดำน้ำตื้นที่ Chilly Island ปลานี่เยอะมาก! เป็นฝูงๆ ว่ายอยู่ตรงหน้า แค่เอื้อมมือก็โดนตัวแล้ว!
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ! ถ้ามีเวลาคราวหน้าจะมาแชร์ tips เรื่องการจัดกระเป๋าไป cruise, บัตรเครดิตที่คนแคนาดาใช้บน cruise ได้, การเดินทางจากสนามบินไปท่าเรือสำราญ...
