เคล็ดลับดูแลผิวหลังเที่ยว: กู้ผิวใส & ป้องกันแดดฉบับเน้นๆ!
สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ตรงในการดูแลผิวหลังจากการเดินทางท่องเที่ยวสุดมันส์! ถึงแม้ว่าผิวเดิมของฉันจะขาว แต่ก็ชอบอาบแดดซะเหลือเกิน สมัยก่อนไม่เคยใช้ครีมกันแดดเลยด้วยซ้ำ ผลลัพธ์คือ...ผิวคล้ำเสียสุดๆ! แถมเมื่อก่อนยังชอบผิวแทนๆ ดูเป็นสาวมั่นอีกต่างหาก คิดว่ามันเท่ดีนะ ออกแนวสาวนักท่องเที่ยวตัวจริงเสียงจริง แต่พออายุมากขึ้น ไปไหนมาไหน ผิวแทนๆ กลับดูหมองคล้ำ ไม่สดใสเหมือนสาวๆ ละตินเลย
แต่แล้วความคิดก็เปลี่ยนไป! ยิ่งไปเที่ยวบ่อย ผิวก็ยิ่งดูแย่ลง แทนที่จะดูสุขภาพดีเหมือนที่คิดไว้ ฉันเลยเริ่มใส่ใจเรื่องการดูแลผิวมากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เน้นการป้องกันและฟื้นฟูผิวเสียจากแสงแดดค่ะ ฉันมีปัญหากระกรรมพันธุ์ด้วย ยิ่งโดนแดดกระก็ยิ่งเข้มขึ้น วิธีนี้ช่วยให้กระดูจางลงได้เร็วขึ้นด้วยนะ!
1. กู้ผิวใสหลังโดนแดดเผา: สูตรลับจากธรรมชาติ
มาเริ่มกันที่วิธีฟื้นฟูผิวกันก่อนเลยค่ะ สูตรลับฉบับฉันคือการพอกตัวด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ 100%: ผงถั่วแดงผสมนมสดไม่เติมน้ำตาล + น้ำผึ้ง
- ส่วนผสม:
- ผงถั่วแดง 4 ช้อนโต๊ะ (ใช้ได้ทั้งหน้าและตัว)
- นมสดไม่เติมน้ำตาล (กะให้พอข้น)
- น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
สูตรเร่งรัด: ถ้าอยากเห็นผลเร็วขึ้น ลองเติมน้ำมะนาว 1 ช้อนชา หรือโยเกิร์ตไม่เติมน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะลงไปด้วยค่ะ แต่ส่วนตัวแล้ว ฉันไม่ใช้มะนาวหรือโยเกิร์ตเลย เพราะกรดจากมันอาจทำให้ผิวบางและไวต่อแดดมากขึ้น
- วิธีทำ:
- ทำความสะอาดผิวด้วยน้ำเปล่า
- สครับผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
- อาบน้ำด้วยสบู่อาบน้ำตามปกติ
- พอกส่วนผสมที่เตรียมไว้ให้ทั่วตัว (หน้า, ตัว, เน้นบริเวณที่แห้งกร้านหรือมีรอยพับ เช่น ข้อศอก, หัวเข่า)
- นวดตัวเบาๆ ประมาณ 15 นาทีเป็นอย่างน้อย แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด (ไม่ต้องใช้สบู่อีก)
ครั้งแรกที่ทำจะรู้สึกได้เลยว่าผิวเนียนนุ่มขึ้นทันที! บริเวณที่มักจะคล้ำเสียก็สะอาดขึ้น ผิวหอมขึ้นด้วยนะ
สำหรับคนที่ไม่เคยทำ ลองทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ในช่วง 2 เดือนแรก จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน หลังจากนั้นค่อยลดเหลือสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
- ประโยชน์ของส่วนผสม:
- ผงถั่วแดง: อุดมไปด้วยวิตามิน C, E, B1 ช่วยให้ผิวกระจ่างใส, ผลัดเซลล์ผิว, และฟื้นฟูผิว
- นมสด: ทำให้ผิวนุ่มลื่น, ชุ่มชื้น, ลดเลือนริ้วรอย
- น้ำผึ้ง: ให้ความชุ่มชื้น, ลดรอยด่างดำ
- สครับผิวก่อน: ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้สารอาหารซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับใครที่ใช้มะนาวหรือโยเกิร์ต ควรใช้ในปริมาณที่น้อยลงนะคะ เพราะมันมีฤทธิ์เป็นกรด อาจทำให้ผิวบางลงได้ง่าย และเมื่อโดนแดดก็จะคล้ำเสียได้ง่ายขึ้น
ฉันทำแบบนี้มาตลอด 2 ปีแล้วค่ะ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ถ้าเพิ่งไปเที่ยวมาก็จะทำ 2 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อกู้ผิวที่เสียไป ใครมีเวลา ก็ลองหาซื้อถั่วแดงมาบดเองเลยก็ได้ค่ะ จะได้มั่นใจว่าบริสุทธิ์ 100% ถ้าหาซื้อยาก ก็ลองเลือกยี่ห้อที่ไว้ใจได้นะคะ เพราะบางที่อาจผสมแป้งหรือเก็บไว้นานจนคุณภาพไม่ดี
ทำอย่างต่อเนื่องรับรองเห็นผลแน่นอน! เพราะใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ผิวขาวขึ้นแน่นอน สำหรับคนผิวขาวแบบฉัน หรือผิวจะดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคนที่ไม่ได้มีผิวขาวแต่กำเนิด ที่สำคัญคือการท่องเที่ยวแบบลุยๆ ก็ยังดูดีได้!
2. ปกป้องผิวจากแสงแดด: เคล็ดลับฉบับมืออาชีพ
เรื่องการป้องกันแสงแดดเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ค่ะ! ฉันเคยเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่จะขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆ อีกครั้งนะคะ
ไม่ใช่ว่าทาครีมกันแดดอะไรก็ได้แล้วจะดีเสมอไปค่ะ บางครั้งอาจช่วยให้รู้สึกมั่นใจขึ้น แต่ก็อาจไม่ได้ช่วยป้องกันผิวจากมะเร็งผิวหนัง หรืออาจทำให้ผิวเหี่ยวย่นและเกิดสิวได้ด้วยซ้ำ เพราะเราอาจยังไม่เข้าใจคุณสมบัติที่แท้จริงของครีมกันแดดนั่นเอง ฉันจะมาช่วยไขความลับให้คุณเข้าใจ เพื่อให้คุณใช้ครีมกันแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ
แสงแดดที่เรามองเห็นคือแสงสีขาว แต่ในความเป็นจริงแล้ว แสงแดดมีรังสีที่มองไม่เห็นด้วย นั่นคือรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ได้แก่ UVA และ UVB
- รังสี UVB: ทำให้ผิวไหม้แดด
- รังสี UVA: ทำลายผิวหนังชั้นใน ทำให้เกิดริ้วรอยและมะเร็งผิวหนัง สามารถทะลุกระจกได้
ถ้าเลือกครีมกันแดดผิด ก็อาจไม่สามารถป้องกันริ้วรอยและมะเร็งผิวหนังได้เลย! ดังนั้นเวลาเลือกซื้อครีมกันแดด ควรใส่ใจในเรื่องเหล่านี้ค่ะ
- ค่า SPF: 1 SPF = ปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ 15 นาที (ภายใต้เงื่อนไขมาตรฐาน เช่น ไม่โดนน้ำ, เหงื่อ, และทาในปริมาณที่เหมาะสมคือ 1.25 กรัม/หน้า) ตัวอย่างเช่น SPF 30 = 30 x 15 นาที = 450 นาที ~ 7 ชั่วโมง หลังจากนั้นต้องทาซ้ำ
- ค่า PA: สำคัญมาก! เป็นตัววัดประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ของผลิตภัณฑ์
- PA+: ป้องกันรังสี UVA ได้ 50%-70%
- PA ++: 75%-87.5%
- PA +++: 87.5%-93.75%
- PA ++++: มากกว่า 93.75%
แต่ค่า SPF และ PA ที่สูงมากๆ ไม่ได้แปลว่าจะดีเสมอไปนะคะ อาจทำให้ผิวแห้ง และเกิดอาการแพ้ได้ง่าย ถ้าผิวอ่อนแอ ดังนั้นควรมีครีมกันแดดอย่างน้อย 3 แบบ ดังนี้
- สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน: อยู่ในที่ร่ม, ไปเรียน, ทำงาน, อยู่บ้าน: ใช้ครีมกันแดดแบบ Daily SPF35 PA+ ช่วยป้องกันแสงแดดในสภาพอากาศที่ไม่ร้อนจัด และป้องกันรังสียูวีจากคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์
- สำหรับออกแดด: ไปเที่ยวกลางแจ้ง, ขึ้นเขา, ไปทะเล, หรือต้องทำงานกลางแจ้ง: ใช้ครีมกันแดดแบบ Long lasting SPF 50+ PA+++ ช่วยป้องกันแสงแดดได้ยาวนาน แม้ผิวจะเปียกเหงื่อ หรือผิวมัน ไม่ต้องทาซ้ำบ่อยๆ เพราะกันน้ำได้ สำหรับครีมกันแดดสำหรับผิวแห้ง จะมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เพื่อป้องกันผิวแห้งกร้าน
นอกจากนี้ ครีมกันแดดยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ครีมกันแดดแบบ Physical (กายภาพ): สร้างเกราะป้องกันบนผิวหนัง สะท้อนรังสียูวี ไม่ให้ซึมเข้าสู่ผิว เหมาะสำหรับคนเป็นสิว, ผิวแพ้ง่าย, ผิวแห้ง ครีมประเภทนี้ไม่ต้องรอให้ครีมเซ็ตตัวนาน
- ครีมกันแดดแบบ Chemical (เคมี): ดูดซับรังสียูวีและสลายตัวในรูปของพลังงานความร้อน ทำให้ผิวไม่ถูกทำลาย ทาแล้วบางเบา ไม่ทิ้งคราบขาวบนผิว ควรทิ้งไว้ 20 นาทีก่อนออกแดด เหมาะสำหรับผิวมัน หรือคนที่แต่งหน้า
วิธีสังเกตว่าเป็นครีมกันแดดแบบไหน: ดูที่ส่วนผสม ถ้ามี Zinc oxide และ Titanium dioxide คือครีมกันแดดแบบ Physical ถ้าไม่มีคือครีมกันแดดแบบ Chemical
หวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้จะเป็นประโยชน์นะคะ! ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการดูแลผิวสวยค่ะ!
```