อารูบา: สวรรค์แห่งความสุข รีวิวที่พัก, ชายหาด, อาหาร และกิจกรรมเด็ด!



```html

Aruba 🇦🇼 เกาะแห่งความสุข! One Happy Island ที่ต้องไปให้ได้!

1/ ที่พัก: สวรรค์บนดินมีอยู่จริง!

ทริป Aruba หนึ่งอาทิตย์ของเรา พักไปเลย 2 ที่! Hilton Aruba Caribbean Resort ใจกลาง Palm Beach แหล่งรวมความบันเทิง ร้านอาหาร และใกล้ทะเลสุดๆ และ Renaissance Aruba Resort ที่มีเกาะส่วนตัวให้ไปส่องน้องนกฟลามิงโก้! เลือกยาก ก็พักมันทั้งสองที่ไปเลยสิคะ 😂

รีวิวฉบับย่อ

  • Hilton: ถึงจะดูเก่ากว่านิดหน่อย แต่พื้นที่กว้างขวาง ห้องน้ำและระเบียงใหญ่กว่า Renaissance อาหารเช้าอลังการ (จ่ายเพิ่มแค่ $8 จากเมนูธรรมดา คุ้มมาก!) แต่แอบจุกจิกเรื่องค่าใช้จ่ายยิบย่อย เช่น จอง Palapa ริมหาดแถวหน้าต้องจ่ายเพิ่ม $35 (แถมต้องจองล่วงหน้า 24 ชม.!) หรือ Pool Cabana ก็ต้องจ่ายเพิ่ม แม้ว่าเราจะเป็น Hilton Diamond member ก็ตาม 😑 แต่ข้อดีคือมีสระว่ายน้ำเยอะมาก (ส่วนใหญ่ตื้นๆ สำหรับเด็ก) เสียดายไม่มี Jacuzzi หรือ Hot tub 🛀 นะ 🤭
  • Renaissance: ดูใหม่และหรูกว่า กลุ่มลูกค้าก็ดูมีสไตล์และวัยรุ่นกว่า ห้องพักเล็กกว่านิดหน่อย แต่ทันสมัยกว่าด้วยดีไซน์แม่น้ำกลางโรงแรม Starbucks อยู่ใต้ Lobby เลย มีทั้งลิฟต์ บันไดเลื่อน และบันไดธรรมดา Shopping mall มีแบรนด์ดังเพียบ LV, Rolex, Gucci, Prada, Ferrogamo… นึกว่าเดินเล่นอยู่ที่ Las Vegas 😄 Renaissance มีสระว่ายน้ำ Infinity Pool ที่ Hilton ไม่มี วิวอ่าวสุดชิลล์ 😍 ใครชอบถ่ายรูปอัพ FB ห้ามพลาด!

ราคาห้องพักพอๆ กัน ประมาณ $800-$1,000 ต่อคืน ช่วง High season อย่างคริสต์มาส ปีใหม่ หรือ Spring Break

2/ ชายหาด 🏖: สวรรค์ของคนรักทะเล!

ไปมาหลายหาดเลย: Palm Beach, Eagle Beach, Baby Beach, Arashi Beach, Hadicurari Beach แต่ที่ชอบที่สุดคือ Baby Beach น้ำทะเลสีฟ้าใสแจ๋ว หาดทรายขาวละเอียดทอดยาว ไม่มีคลื่นใหญ่ เล่นน้ำได้ทั้งวันไม่เหนื่อย 😪 เหมาะสำหรับคนที่อยากดำน้ำตื้น (Snorkel) ด้วย Palm Beach ที่เราพักห่างจาก Baby Beach ประมาณ 40 นาที ขับรถ 🚗 Palm Beach ก็สวยมาก มีบาร์ ร้านขายของที่ระลึก ครีมกันแดด ไอศกรีม 🍦🍨 เยอะแยะ

Eagle Beach ค่อนข้างคึกคัก น้ำทะเลไม่ฟ้าเท่า Palm Beach และ Baby Beach แต่มี Divi Tree ชื่อดังอยู่ใกล้ๆ นักท่องเที่ยวเลยแห่กันมาถ่ายรูป 🤳🏻 ที่สำคัญมีบาร์ Passions ริมหาด วิวสวย เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตกดิน 🌅

3/ ร้านอาหาร 🍽: อร่อยจนพุงกาง!

เหมือน Aruba จะไม่ค่อยมีคนเอเชียเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยเห็นร้านอาหารเอเชีย นอกจากร้าน Bowls ที่ Palm Beach ขายราเมนกับซุปเกี๊ยว รสชาติพอใช้ได้ ไม่ถึงกับอร่อยมาก

ร้านอาหารอิตาเลียน 🇮🇹 อเมริกัน 🇺🇸 และเม็กซิกัน 🇲🇽 เพียบ! ราคาสูงนิดหน่อย เพราะต้องนำเข้าวัตถุดิบและของใช้จำเป็นหลายอย่าง ราคาเลยไม่ถูกเหมือนเม็กซิโกหรือเกาะอื่นๆ ใน Caribbean หลายร้านคิด "Service Charge" (เหมือนทิป) ไปแล้ว แต่เราก็ยังทิปเพิ่มให้เค้าอยู่ดี

ร้านแนะนำ:

  • Lola (เม็กซิกัน): อร่อยมาก! ไปวัน Taco Tuesday เลยราคาไม่แพง อย่าสั่ง Lobster Rolls เหมือนเรานะ ไม่อร่อย 😂 อย่างอื่นอร่อยหมด
  • Sunset Grille (Hilton): จัดดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตกดินสำหรับ 2 คน โรแมนติกสุดๆ เซ็ตอัพดี อาหารอร่อย พนักงานดูแลดีมาก 2-3 คนต่อ 1 โต๊ะ 👍🏻
  • Azzuro (อิตาเลียน): ทำสปาเก็ตตี้ในหม้อชีส โชว์ทำกันสดๆ ตรงหน้า อาหารโอเค ไม่ได้พิเศษมาก แต่ได้วิวพระอาทิตย์ตกดินดี Portion เล็ก ต้องสั่งเพิ่ม 🤣
  • Lucy's: ขายอาหารเม็กซิกัน อเมริกัน และซีฟู้ดครบครัน อาหารอร่อย วิวอ่าวสวย ร้านกว้างขวาง เป็นกันเอง มีหมานอนหลับเหมือนร้านเหล้าบ้านเราเลย น่ารักดี 😂😂

4/ เที่ยวชมรอบเกาะ: ผจญภัยสไตล์ Aruba!

ไปมาหลายที่ แต่ที่ผิดหวังที่สุดคือ Natural Bridge ในรูปดูเท่มาก แต่ของจริงเหมือนก้อนหินใหญ่ๆ ที่มีรูโหว่ให้น้ำไหลผ่าน กลายเป็นสะพาน 🌁 จิ๋ว น่าขำ 😜

Natural Pool: ไม่ใช่สาวน้อยบอบบาง ต้องปีนป่ายหินแหลมคมและลื่นๆ กว่าจะถึงสระนั้นก็หวาดเสียวอยู่ จากที่จอดรถต้อง Hike ไป 45 นาที (ต่อเที่ยว) บนเส้นทางเหมือนทะเลทราย กรวดหินแหลมคม ทางชัน แถมไม่มีคนรอบข้าง 😳 นึกว่าจะหลงทางซะแล้ว! ใครจะผจญภัยแบบเรา เตรียมน้ำเยอะๆ ครีมกันแดด และรองเท้าที่เหมาะด้วยนะ

Gold Mill Ruins: ซากโบราณสถานสร้างจากหิน 🪨 ภายนอกดูสวยงามและลึกลับ ตั้งอยู่ข้างๆ Natural Bridge เลย หาไม่ยาก

Snorkeling: Baby Beach เป็นที่ที่เหมาะกับการดำน้ำตื้นมาก! อย่าลืมใส่เสื้อชูชีพ เผื่อโดนคลื่นซัดออกไปไกลเกินไปแบบเรา จะได้ไม่ต้องร้องขอความช่วยเหลือ 😩😱 และเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำดีๆ หน่อย จะได้ไม่รั่ว น้ำเข้าตาเข้าจมูก ถ้าพร้อมแล้ว ลุยเลย! ใช้เวลาทั้งวันดำน้ำใน Aruba 🇦🇼 ก็ยังไม่พอ เพราะสวยและมีอะไรให้ดูเยอะมากใต้น้ำ

Butterfly 🦋 Farm: ใกล้ Palm Beach ค่าเข้า <$20 มีทัวร์ให้ความรู้เกี่ยวกับผีเสื้อ สายพันธุ์ต่างๆ ที่ Aruba วงจรชีวิตจากไข่เป็นผีเสื้อ ใช้เวลานานแค่ไหน ถ้ามีเด็ก/เด็กผู้หญิง น่าจะชอบฟาร์มแบบนี้

5/ Flamingos: ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้!

ส่วนที่ชอบที่สุดของเรา 😍

นกฟลามิงโก้พวกนี้ รีสอร์ทเอามาดึงดูดนักท่องเที่ยว มี 2 วิธีที่จะได้เจอนก:

  1. ซื้อ Day Pass ราคา $125/คน/ครั้ง
  2. พักที่รีสอร์ท ไปเกาะได้ฟรี Unlimited!

ถ้าไป 2 คน จ่าย $250 แถมบางทีก็ซื้อไม่ได้ เพราะถ้าแขกที่พักเยอะ เค้าจะไม่ขาย Day Pass ให้

ทุก 15 นาที จะมีเรือรับส่งแขกไปเกาะ เกาะเล็กๆ ห่างจากโรงแรมประมาณ 10 นาที นั่งเรือ แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งครอบครัว (มีเด็ก) กับฝั่ง Adult Only นกฟลามิงโก้อยู่ฝั่ง Adult Only พร้อมกับนกพิราบและอีกัวน่า เกาะเล็กๆ แต่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวและหรูหรา ไม่วุ่นวาย 😆 มีผ้าเช็ดตัว Palapa Paddle และของเล่นให้เล่นฟรี มีนกฟลามิงโก้ประมาณ 10 ตัว มีทั้งสีขาว ชมพู และชมพูส้ม พวกมันเชื่องและเป็นมิตร แนะนำให้ไปแต่เช้า จะได้ป้อนอาหารให้พวกมัน จะได้เล่นกับพวกมันเยอะขึ้น ถ้าแขกเยอะแล้ว พวกมันกินอิ่มแล้ว พวกมันจะไปกินน้ำ แล้วแอบงีบ น่ารัก 🥰🥰🥰 อย่าลืมพก Quarters ไปซื้ออาหารจากตู้ขายอาหาร เดินเล่นถ่ายรูปทั่วเกาะ รับรองปวดเมื่อย 😂 เกาะน่ารักมาก มีบาร์เดียว ขายทั้งอาหารและเครื่องดื่ม อาหารอร่อย สดใหม่ เครื่องดื่มก็อร่อย ราคาไม่แพง

6/ ค่าใช้จ่าย: เตรียมงบเท่าไหร่ดี?

หลายคนถามมาเยอะมาก ว่าไป Aruba หนึ่งอาทิตย์ใช้งบประมาณเท่าไหร่ เราคิดว่าถ้ารวมทุกอย่าง น่าจะประมาณ $5,000-$10,000 สำหรับ 2 คน รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ที่พัก อาหารการกิน เที่ยวเล่น และค่าเช่ารถ ทริปนี้เราจ่ายไปประมาณ $11,000-$12,000 เพราะบิน First Class แล้วก็ไปช่วงคริสต์มาส ค่าโรงแรมเลยแพง เกือบ $1,000/คืน ถ้าไปช่วง Low season พักโรงแรมที่ไม่ใช่ใจกลางเมือง หรือ Airbnb จะประหยัดได้เยอะกว่า

ใครลังเลว่าจะไปดีไหม เรากล้าพูดเลยว่า "ต้องไป!" สามีเราเดินทางมาแล้วกว่า 30 ประเทศและเกาะ 🏝 เล็กใหญ่ แต่ก็ยังชอบ Aruba ที่สุด 🥇

มีคำถามอะไรเพิ่มเติม คอมเมนต์ไว้ด้านล่างได้เลยนะคะ จะพยายามตอบให้หมดทุกคน

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ 😍

```

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า