ผจญภัยสุดขั้ว! ไอซ์แลนด์ & ฝรั่งเศส ฉบับแก๊งเพื่อนซี้
บทที่ 1: ไอซ์แลนด์...ที่(เกือบ)ไม่ได้เห็นแสงเหนือ
- แก๊งเราวางแผนล่าแสงเหนือกันมาปีกว่า ในที่สุดวันที่ 16 กุมภาก็มาถึง! เตรียมบินไปไอซ์แลนด์กันเล้ย!
- สมาชิกแก๊งมาจากทั่วสารทิศ CA(1), CT(2), MA(1), VA(1), TX(9), MD(2), FL(1) รวมพลกันได้ 17 ชีวิต!
- ทริปนี้ยาว 10 วัน แบ่งเป็นไอซ์แลนด์ 4 วันครึ่ง และฝรั่งเศส 5 วันครึ่ง
ฝันล่าแสงเหนือ...เกือบกลายเป็นฝันร้าย!
Pre-วัน 1:
- คู่รักคู่หนึ่งในกลุ่มดันซวย! Expedia ขายตั๋วให้ไปสนามบินที่ไม่มีเที่ยวบินไปไอซ์แลนด์มา 3 เดือนกว่า! กว่าจะเคลียร์กับ Expedia ได้ก็แทบไม่ได้นอน แถมไปถึงไอซ์แลนด์ก็เหลือเวลาเที่ยวแค่ 2 วัน!
- กลุ่มจาก TX ก็เจอศึกหนัก! ต้องสละชีพ 2 คนเฝ้ากระเป๋า 9 ใบ เพราะ TSA Check-in ปิดไปแล้ว! งานนี้เสียเงินซื้อตั๋วใหม่ไปอี๊ก!
วัน 1:
- หลังบินกันจนรากงอก...ทุกคนเพลียสุดๆ แต่ในที่สุด 6 โมงเช้า เราก็เจอกันครบที่สนามบินไอซ์แลนด์! ลุยล่าแสงเหนือกันเลย!
- แก๊งเราเช่ารถ 4 คันสำหรับวันนี้ และอีก 2 คันสำหรับวันรุ่งขึ้น (เผื่อคนที่ตกเครื่อง ต้องซื้อตั๋วใหม่ตามมา)
- จากการพยากรณ์อากาศ 4 วัน 3 คืนนี้ คืนวันศุกร์ย่างเข้าเสาร์ (คืนแรก) มีโอกาสเห็นแสงเหนือมากที่สุด! ส่วนวันที่เหลือ...พายุฝนและพายุหิมะจ้า!
- คืนนั้นทุกคนสลบเหมือด! หลังจากแวะชม Skógafoss ตอนกลางวัน กลับถึงโรงแรมที่ Kalfafellsstadur ก็งีบไปแป๊บนึง แล้ว 5 ทุ่มก็แบกเป้ล่าแสงเหนือกันต่อ!
- 5 ทุ่ม -> เที่ยงคืน -> ตีหนึ่ง -> ตีสอง...บนฟ้ายังมืดมิด! ตอนนั้นรู้สึกแต่ "เหนื่อยโฮก"! พวกเราอยู่ทางใต้ของไอซ์แลนด์ ซึ่งพยากรณ์ว่าแสงเหนือจะแรงสุดๆ แต่กลับไม่เห็น! ในขณะที่ทางเหนือมีเมฆเต็มฟ้า...แต่กลับมีแสงเหนือ (คนท้องถิ่นบอกมา)!
วัน 2:
- วันนี้เราไป Ice Cave กัน!
- ช่วงเที่ยง อากาศเริ่มโหดร้าย! รถเราลื่นไถลลงไปในหิมะ! โชคดีที่อยู่ MA มาก่อน เลยมีประสบการณ์ขับรถบนหิมะ รอดมาได้หวุดหวิด!
- ในกลุ่มก็มีรถอีกคันที่ลื่นไถล หมุนติ้ว! คนขับถึงกับเข็ด ไม่กล้าขับต่อ (สงสารน้อง! อยู่ TX คงไม่เคยเจอแบบนี้ หวังว่าทริปนี้จะเป็นประสบการณ์นะ!)
- วันนี้เราขับรถจาก Kalfafellsstadur กลับไป Norðurfoss แล้วพักผ่อน
วัน 3:
- ดูเหมือนฟ้าฝนจะไม่เป็นใจ! วันนี้พายุหิมะกระหน่ำ!
- รถคันนึงในกลุ่มอยากกลับไปพักที่โรงแรมใกล้สนามบินก่อน เพราะเหนื่อยล้า! แต่ดันซวย! เจอกับพายุเต็มๆ! คนในรถเล่าว่ามองอะไรไม่เห็นเลยในรัศมีแขน! โชคดีที่กลับถึงโรงแรมใน Reykjavík ได้อย่างปลอดภัย
- ส่วนรถที่เหลือก็พยายามขับกลับ Reykjavík อย่างทุลักทุเล ระหว่างทางก็พอได้เห็นวิวบ้างนิดหน่อย
วัน 4:
- 7 คนในกลุ่มต้องกลับอเมริกาไปก่อน
- ที่เหลืออีก 10 คน เตรียมตัวไปฝรั่งเศส!
- 10 ชีวิตลากสังขารออกจาก Reykjavík ตั้งแต่เช้ามืด ไปถ่ายรูปที่ Kirkjufellsfoss แล้วไปแช่น้ำพุร้อนผ่อนคลายที่ Sky Lagoon (ก่อนบิน)
>> ทริปไอซ์แลนด์ครั้งนี้เหมือนมาใช้แรงงานทาส! โชคดีที่คืนสุดท้าย...ทั้งกลุ่มก็ได้เห็นแสงเหนือ! ในวันที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็น! พูดได้เลยว่าตอนนี้ "เหนื่อยสุดขีด" มากกว่า "ฟินกับแสงเหนือ"!
บทที่ 2: ฝรั่งเศส...ความวุ่นวายยังไม่จบ!
วัน 5:
- แก๊ง 10 คนของเราเริ่มเดินทางไปยังตอนใต้ของฝรั่งเศส หรือ NICE เพื่อชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่และความงามของเมือง
- พอถึง TSA กลุ่มเราก็โดนขโมย Rolex ไปต่อหน้าต่อตา! คู่รักคู่หนึ่งในกลุ่มเดินผ่าน TSA พี่ผู้หญิงและพี่ผู้ชายถอดทุกอย่างใส่ถาด (กระเป๋า, นาฬิกา, เข็มขัด, etc) พี่ผู้หญิงผ่านไปได้ปกติ แต่พี่ผู้ชายโดนเรียกให้กลับมาเอาของออกเพิ่มถึง 3 รอบ ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรจะเอาออกแล้ว!
- พอพี่ผู้ชายผ่านไปได้ ก็พบว่านาฬิกาหายไปจากถาด! พี่ผู้หญิงไม่รู้เรื่องอะไรเลย! ตามที่แจ้งความไว้ มีคู่หนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินผ่านแล้วชนพี่ผู้หญิง ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นขโมย! จากกล้องวงจรปิดเห็นชัดเจนว่ามีคนใส่เสื้อแดงขโมยไป! ซวยซ้ำซ้อน! ในกลุ่มเรามีคนใส่เสื้อโค้ทแดง 2 คน คือฉันกับพี่อีกคน! พวกเราเลยโดนสอบสวนว่าเป็นคนขโมยรึเปล่า! ไร้สาระสุดๆ!
- จากการสอบสวนเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถเอานาฬิกากลับคืนมาก่อนที่ขโมยจะหนีขึ้นเครื่องบิน! เจ้าหน้าที่สนามบินบอกว่าขโมยบอกว่า: "ผมกำลังตามหาเจ้าของนาฬิกาเพื่อเอาไปคืน"! อื้อหือ! ขโมยเสร็จโดนจับได้แล้วบอกว่าจะเอาไปคืน! ตลกแล้วเพื่อน!
- กลุ่มเราแวะเปลี่ยนเครื่องที่ลอนดอน แล้วก็ไปถึง NICE
- ถึง NICE 2 ทุ่ม ฉันกับพี่อีกคนไปรับรถ! จะบอกว่าความซวยไม่เคยปราณี! รถที่เราเพิ่งขับออกจาก Rental Center ก็มีควันขึ้น! พอเอารถไปคืน พนักงานบอกว่าพวกเราขับรถเกียร์ธรรมดาไม่เป็น เหยียบคลัตช์ผิดวิธีทำให้ควันขึ้น! จริงเหรอ? มีใครเหยียบคลัตช์ผิดวิธีแล้วรถมีควันขึ้นภายใน 10 นาทีบ้าง?
- พวกเขาไม่ให้เราเช่ารถอีกต่อไป! แล้วเราก็ต้องยัดตัวเองเข้าไปในรถ 8 ที่นั่งของอีกบริษัทนึง ในราคาที่แพงกว่าเดิม 2 เท่า! กลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
วัน 6:
- เพราะฉันทำทัวร์ เลยได้รู้จักกับเพื่อนที่ทำทัวร์อยู่ใน Nice เพื่อนคนนี้เชี่ยวชาญด้านทัวร์ประวัติศาสตร์! จองไกด์ท้องถิ่น กลุ่มเราเลยแฮปปี้กับทัวร์ของเพื่อนมาก!
- ฉันจะลิสต์แค่สถานที่ที่ไปคร่าวๆ นะ เพราะเพื่อนไม่ต้องการให้ลงรายละเอียด (เป็นความต้องการของคนในวงการเดียวกัน)
- โรงงานผลิตน้ำหอม GALIMARD เราสามารถปรุงน้ำหอมกลิ่นที่ชอบได้เอง!
- ไปทานอาหารกลางวันที่หมู่บ้านโบราณบนภูเขา - Villefranche sur Mer, Nice City, France (ฉันไม่สันทัดอาหารฝรั่งเศส ทุกคนลองทายกันเองนะว่าเป็นเมนูอะไร :D)
- ไป Trophy of Augustus ซากเมืองโรมันโบราณในโมนาโก, ฝรั่งเศส
- กลับไปโมนาโก แล้วแวะ Musée océanographique de Monaco
วัน 7:
- ปารีสไม่อยู่ในแผนเดิมของกลุ่ม! แต่พอตัดสินใจกันตอนกลางคืน กลุ่ม 10 คนของเราก็ขึ้นรถไฟเที่ยวเช้าสุดจาก NICE ไปปารีส!
- ที่นี่ฉันก็ได้รู้จักกับเพื่อนท้องถิ่นที่ทำทัวร์ถ่ายรูปให้กลุ่มเรา! พวกเราวิ่งกันขาขวิด! ไม่ได้เดินเล่นเลย :))
- สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังส่วนใหญ่อยู่ทางตะวันตกและใจกลางเมือง รอบๆ เขต: 1 4 5 6 7 8 15 16 ด้วยเวลาที่จำกัด พวกเราเลยได้วิ่งแค่เขต 16, 8, 1 และ 4
- ในปารีสอย่ามัวแต่แหงนหน้ามองฟ้า! ให้ก้มหน้ามองพื้น! ระวัง "ขี้หมา" ด้วยนะทุกคน :)). ไม่ได้เยอะแยะอะไร แต่ระวังไว้ก็ดี!
- คนปารีสใจดี๊ใจดี! พวกเขาชอบเดินตามกลุ่มเรา แล้วเอามือโอบเอวเรา หรือไม่ก็เอามือล้วงกระเป๋าเราเพื่ออบอุ่นมือที่เย็นเฉียบ! บางทีก็เผลอหยิบมือถือกับกระเป๋าตังค์เราไปด้วย :)). ใครที่เพิ่งมาปารีสครั้งแรกแบบกลุ่มเรา แนะนำให้พกอุปกรณ์ป้องกันตัวไปด้วย เช่น สเปรย์พริกไทย หรือเครื่องช็อตไฟฟ้า!
วัน 8:
- เดินทางกลับ NICE ไปพักผ่อนและช้อปปิ้งที่ Downtown NICE
วัน 9:
- ที่หมู่บ้านโบราณ St Paul de Vence หรือที่รู้จักกันในชื่อ "หมู่บ้านแห่งศิลปะ" ที่นี่ไม่เพียงแต่มีแกลเลอรี่ภาพวาดที่แสดงผลงานศิลปะในหลากหลายสไตล์เท่านั้น แต่ทิวทัศน์โดยรอบยังงดงามราวกับบทกวี! แตกต่างจากสถาปัตยกรรมที่สวยงามและความคึกคักในปารีส ที่นี่เงียบสงบและสวยงาม
- ปิดทริปด้วยเทศกาลและดอกไม้ไฟที่ Nice!
ทริปนี้พวกเราจัดการกันเองทั้งหมด แต่มีไกด์ 4 คน ช่างภาพหลัก 6 คน และช่างภาพฝึกหัด 11 คน
ยังมีสถานที่อีกมากมายที่เรายังไม่ได้ไป เช่น เส้นทางดอกมิโมซ่า, เขต 5, 6, 7, 16, etc.
ป.ล.: ฉันพยายามเรียงรูปตามลำดับวันเพื่อให้ทุกคนติดตามได้ง่าย สำหรับรูปที่ฝรั่งเศส ฉันทำโทนสีเก่า เพื่อสื่อถึงความเก่าแก่และประเพณีที่สืบทอดมายาวนานในยุโรป
```