🇹🇼 เที่ยวไต้หวันคนเดียว… ไม่ยากอย่างที่คิด! 🇹🇼
หากคุณเป็นนักเดินทางสายผจญภัย ชอบสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นแบบจัดเต็ม การเดินทางคนเดียวในไต้หวันอาจเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ ลองมาดูข้อมูลและเตรียมตัวให้พร้อม แล้วคุณจะพบว่าการไปเที่ยวไต้หวันคนเดียวไม่ใช่เรื่อง "ไม่โอเค" อย่างที่คิด
หลังจากที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีก ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางไปไต้หวัน 6 วัน 5 คืนคนเดียว! ทริปนี้เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ทั้งวิวทิวทัศน์สวยงาม ผู้คน และวัฒนธรรมของไต้หวัน นี่เป็นครั้งที่สองที่ได้เดินทางไปต่างประเทศคนเดียว (ก่อนหน้านี้ไปญี่ปุ่น) แม้จะเตรียมตัวมาอย่างดี แต่ก็ยังมีเรื่องราวให้ตื่นเต้นอยู่บ้าง เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนได้รู้กัน
🎒 เตรียมตัวให้พร้อม! 🎒
- ของใช้ส่วนตัว: เสื้อผ้า, ของใช้จำเป็น, ยา (แก้หวัด, ปวดหัว, วิตามินซี)
- เงิน: เงินสด (ไต้หวันดอลลาร์) และบัตรเครดิต/เดบิต
- อะแดปเตอร์: ปลั๊กไฟแบบ 3 ขา
- พาวเวอร์แบงค์: สำรองพลังงานให้พร้อม
🛂 วีซ่า & ตั๋วเครื่องบิน
วีซ่า: โชคดีที่ได้ยกเว้นวีซ่า เพราะมีวีซ่าญี่ปุ่นและเคยไปญี่ปุ่นมาก่อน รีบกรอก E-Visa ทันทีหลังมีข่าวดีเรื่องยกเว้นวีซ่าสำหรับผู้ที่มีวีซ่าญี่ปุ่น/เกาหลี และได้รับการอนุมัติตอน 23:45 น. แม้จะมี E-Visa แต่ก็ยังแอบลุ้นว่าจะมีปัญหาไหม ก่อนตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบิน
ตั๋วเครื่องบิน: บินไป-กลับ กรุงเทพฯ - ไทเป (SGN - Taipei) กับ VJ ราคาประมาณ 3.7 ล้านบาท (รวมน้ำหนักกระเป๋า 20 กก.)
🏨 ที่พัก
เนื่องจากไปคนเดียว เน้นเที่ยว เลยเลือกพักโฮสเทล Bouti City Capsule Inn ใกล้ Taipei Main Station และป้ายรถเมล์ จองผ่าน Agoda ได้ราคาพิเศษประมาณ 550 บาท/คืน
🗓️ ตารางเที่ยวสุดมันส์ 🗓️
วันแรก: กรุงเทพฯ - ไทเป
เรื่องวุ่นๆ เริ่มต้นเมื่อไฟลท์บินเปลี่ยนเวลากะทันหัน จาก 01:00 น. เป็น 13:00 น. เลยต้องปรับแผนใหม่ และจองที่พักใหม่ในไทเปแทนที่จะเป็น Keelung อย่างที่คิด กลัวมีปัญหาเรื่อง E-Visa เลยไปสนามบินล่วงหน้า 3 ชั่วโมง ปรากฏว่าขั้นตอนทุกอย่างรวดเร็วมาก ออกตั๋วภายใน 30 นาที หลังจากนั้นก็ผ่านตม.แบบสบายๆ เจ้าหน้าที่แค่ใช้แว่นขยายส่องพาสปอร์ต 😂 แล้วถามว่าจะกลับเมื่อไหร่ ก็ให้ผ่านเลย!
แม้จะเสียวันเที่ยวไปหนึ่งวัน แต่โชคดีที่ถูกรางวัล EasyCard 5,000 TWD (ประมาณ 3,800 บาท) เลือกใช้ EasyCard สะดวกมาก ใช้ได้กับ MRT, BUS, TRA และซื้อของตามร้านค้าต่างๆ เข้าไปเดินเล่น Ximending ก่อนกลับโฮสเทลพักผ่อน
วันที่ 2: ไทเป - Keelung
นั่ง TRA จาก Taipei Main Station ไป Keelung แล้วต่อรถเมล์ไป Yehliu Geopark, ตอนเที่ยงไปกินข้าวที่ตลาด Renai Market, ช่วงบ่ายไป Zhengbin Fishing Port, Heping Island Park ชมพระอาทิตย์ตกดิน, ตอนเย็นไป Jiufen Old Street
คำแนะนำ: การนั่งรถเมล์จาก Heping Island ไป Jiufen ค่อนข้างไกลและต้องรอนาน ถ้าไปหลายคนแนะนำให้เรียก Uber หรือแท็กซี่จะดีกว่า ปัญหานิดหน่อยคือ ขึ้นรถเมล์ถูกคันแล้ว แต่ทำไมจอดระหว่างทางและให้ผู้โดยสารลงหมด! ต้องรอรถเมล์คันอื่นมาแทน เสียเวลาเดินทางมาก ทำให้ไปถึง Jiufen เกือบ 18:00 น. ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดแล้ว เลยเดินเล่นได้นิดหน่อย ก่อนนั่งรถเมล์กลับไปสถานี Ruifang แล้วนั่ง TRA กลับไทเป
วันที่ 3: เที่ยวไทเป
ไปชมอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ก, บริเวณกว้างขวางมาก ควรไปแต่เช้าเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนและแสงแดด ข้างในมีการแสดงเปลี่ยนเวรยามทุก 1 ชั่วโมง เริ่ม 09:00 น. กินข้าวเที่ยงที่ Taipei Fish Market, ต่อด้วย Taipei Fine Arts Museum, Yuanshan Park Area of Taipei Expo Park
ช่วงบ่ายขึ้นเขาช้าง, ชมวิว Taipei 101, กินข้าวเย็นที่ Food court ใน Taipei 101 มีอาหารหลากหลายชาติ และที่สำคัญคือใช้ EasyCard ได้! ตอนแรกว่าจะไปกิน Ding Tai Fung แต่คิวยาวมาก เลยต้องถอดใจ
วันที่ 4: Qingtiangang – Beitou - Tamsui
นั่ง Bus S15 ไปสุดสาย แต่คนขับปล่อยลงที่ป้าย Lengshuikeng แทนที่จะไปถึง Qingtiangang Grassland เลยได้เที่ยวที่นี่ด้วย เดินขึ้นไปประมาณ 1.6 กม. ก็ถึง Qingtiangang Grassland รถเมล์สายนี้ค่อนข้างวุ่นวาย ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุอายุ 50-60 ปี รถแน่นมาก ต้องยืนกันไป (คนขับก็ขับซะ...) ควรพิจารณาให้ดีก่อนขึ้นรถเมล์สายนี้ จบจาก Qingtiangang ขึ้นรถเมล์สาย 108 กลับไป Chungshan Building แล้วต่อรถเมล์สาย 230 ไป Beitou ข้อควรระวังคือ รถเมล์สาย 230 มาแค่ 30 นาทีต่อคัน เพราะมัวแต่เล่นโทรศัพท์ เลยนั่งเลยป้าย ต้องรออีก 30 นาที
แช่น้ำแร่ที่ Beitou เลือก Spring City Resort, จองตั๋วผ่าน Klook, แม้ว่าบริเวณรีสอร์ทจะไม่สวยเท่าไหร่ แต่หลักๆ ไปแช่น้ำแร่ เลยไม่เป็นไร มีห้องอาบน้ำส่วนตัว, สะอาด, สะดวกตรงที่มีบริการรถรับส่งฟรีไป MRT Beitou แล้วไป Tamsui ส่วนตัวชอบย่านริมแม่น้ำนี้มาก ช่วงเย็นคนเยอะ มีของอร่อยราคาถูก ถ้าโชคดีก็จะได้ชมพระอาทิตย์ตกดิน ตอนเย็นไปเดินเล่นตลาดกลางคืน Shilin Night Market ส่วนตัวคิดว่ามีอาหารให้เลือกน้อยไปหน่อย ส่วนใหญ่เป็นของใช้และเสื้อผ้า
วันที่ 5: TaiChung – Alishan
ซื้อตั๋ว HSR (รถไฟความเร็วสูง) รอบเช้าสุดไป Taichung ไปถึงสถานี 07:30 น. แล้วขึ้นรถไป Alishan, ไปเช้าเย็นกลับ ร่วมเดินทางกับอีก 3 คนที่จองผ่าน Taiwan Car Booking, ระหว่างทางแวะหมู่บ้าน Fengqihu, วิว Alishan สวยงามมาก เสียดายที่ไม่ได้เที่ยวเยอะ เพราะช่วงหน้าหนาวมืดเร็วและมีหมอกเยอะ ต้องรีบกลับ กลับไปที่สถานี HSR Taichung ซื้อตั๋วกลับไทเป ไปกินข้าวเย็นที่ Food court Breeze ใน Taipei Station (ใช้ EasyCard ได้)
วันที่ 6: ไทเป - กรุงเทพฯ
วันสุดท้าย ตื่นสายๆ เช็คเอาท์จากโรงแรม ฝากกระเป๋า แล้วไปเดินเล่น Ximending, ไป Huashan 1914 Creative Park, ไป 2J CAFÉ, 15:00 น. กลับไปเอาของที่โรงแรม แล้วนั่ง MRT ไปสนามบิน เพลินไปหน่อย เลยต้องรีบไปขึ้น MRT ไปสนามบิน เร็วกว่า 2 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่รอดจากปัญหาการเช็คอินและออกตั๋วเครื่องบิน
บินกลับกรุงเทพฯ ก็ยังไม่รอดปัญหา สนามบินดอนเมือง (TSN) ปัญหาเยอะเหมือนเดิม แลนดิ้ง 10:00 น. เข้าเมืองเกือบ 2 ชั่วโมง คนเยอะจนไม่มีทางเดิน
สรุปทริป
แม้จะทำตามแผนได้แค่ 90% แต่ก็เพียงพอที่จะได้สำรวจความสามารถของตัวเอง ความรู้สึกส่วนตัวคือ อาหารอร่อยถูกปาก ราคาอาหารแพงกว่ากรุงเทพฯ เล็กน้อย วิวทิวทัศน์ไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่รัฐบาลไต้หวันรู้วิธีที่จะทำให้การท่องเที่ยวโดดเด่น ผู้คนเป็นมิตรมาก หลายแห่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ แม้ว่าตัวเองจะไม่รู้ภาษาจีน แต่ความรู้สึกคือทุกครั้งที่ถามอะไร คนท้องถิ่นก็เต็มใจช่วยเหลือเสมอ
```