**ขอวีซ่าจีนด้วยตัวเอง: ประสบการณ์สุดป่วนก่อนเที่ยวแดนมังกร**

**ขอวีซ่าจีนด้วยตัวเอง: ประสบการณ์สุดป่วนก่อนเที่ยวแดนมังกร**



```html

รีวิวฉบับจัดเต็ม: ขอวีซ่าจีนด้วยตัวเอง & ความรู้สึกหลังทริป!

สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์การขอวีซ่าจีนด้วยตัวเอง พร้อมแชร์ความรู้สึกหลังจากการเดินทางค่ะ บอกเลยว่าทริปนี้มีทั้งสนุก ตื่นเต้น และ "หัวจะปวด" ไปพร้อมๆ กันเลยทีเดียว! 😅

กว่าจะผ่านด่านวีซ่า... เล่นเอาแก่ไป 5 ปี!

หลายคนบอกว่าขอวีซ่าจีนง่าย... แต่สำหรับเราแล้ว มันซับซ้อนกว่าที่คิด (แอบยากกว่าตอนขอวีซ่าออสเตรเลียที่เคยทำเองมาแล้วด้วยนะ!) เลยได้คำพูดติดปากว่า "ทำวีซ่าจีนเสร็จ เหมือนแก่ไป 5 ปี" 😂

ครั้งแรกที่ตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินก่อนวีซ่าอนุมัติ... เป็นการเสี่ยงดวงครั้งใหญ่เลยค่ะ! คิดว่ามันง่าย เลยจองล่วงหน้าไป 3 เดือน แต่พอลงมือทำจริงเท่านั้นแหละ... โอ๊ย ปวดหัว! สุดท้ายเลยต้องเลือกตั๋วที่เปลี่ยนวันเดินทางได้ เผื่อฉุกเฉิน (จ่ายเพิ่มไป 1,500 บาท/2 ที่นั่ง) 💸

  • CT07: ขั้นตอนการขอใบรับรอง CT07 นี่เหมือนทำบุญเลยค่ะ! คือเราส่งเอกสาร/คำขอไปแล้ว แต่ไม่มีอีเมลหรือ SMS มายืนยันเลยว่าได้รับแล้วรึยัง... จนคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดพลาดไปรึเปล่า?
  • ไม่ได้รับการยืนยัน: ไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ ทั้งสิ้น! ทั้งๆ ที่ใจก็คิดว่าส่งไปแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าสำเร็จไหม (ไม่มีอีเมล, SMS หรือสถานะการดำเนินการบนเว็บไซต์บริการสาธารณะเลย)
  • ต้องทำซ้ำหลายรอบ: สุดท้ายก็เลยต้องทำซ้ำหลายรอบ เผื่อว่าระบบมีปัญหา...แต่ก็ยังเงียบเหมือนเดิมค่ะ!
  • ไปถามคนรู้จัก: ผ่านไปเกือบอาทิตย์ เลยให้คนรู้จักไปเช็คที่สำนักงานเขต... สรุปคือเอกสารพร้อมแล้ว! 😂

คำเตือน: กฎของวีซ่าจีนคือ คุณต้องยื่นขอวีซ่าก่อนเดินทางประมาณ 1 เดือนเท่านั้น! 🤦‍♀️

เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนยื่นวีซ่า!

  • รูปถ่าย: ขนาดรูปถ่ายต้องเป๊ะ! แนะนำให้ศึกษาข้อมูลจาก Google ก่อนนะคะ
  • พาสปอร์ต: พาสปอร์ตต้องมีอายุเหลือ
  • กรอกแบบฟอร์มออนไลน์: กรอกแบบฟอร์มออนไลน์ให้ถูกต้อง (https://bio.visaforchina.cn/HAN3_EN/qianzhengyewu/jichuzhishi/tianxieyangli)

เคล็ดลับ: อ่านคำแนะนำการกรอกแบบฟอร์มเป็นภาษาอังกฤษ เพราะบางคำแปลเป็นภาษาไทยอาจไม่ตรงกับความเป็นจริง! (เช่น เอกสารสูติบัตรของเด็ก... ภาษาไทยบอกว่าต้องรับรอง แต่ภาษาอังกฤษบอกว่าถ้าเป็นภาษาไทยหรือจีน ไม่ต้องรับรองก็ได้) 😉

ข้อควรระวัง: ในแบบฟอร์มจะมีส่วนให้แนบหนังสือเชิญ... แต่ช่อง "ผู้รับรอง" (ที่อยู่ด้านล่าง) ไม่รู้จะกรอกอะไร! เลยต้องข้ามไป 😅

เรื่องสำคัญ! ตอนกรอกข้อมูลให้ลูก (อายุต่ำกว่า 3 ขวบ) ต้องใช้แบบฟอร์มเดียวกับผู้ใหญ่... ทำให้ช่อง "สถานภาพสมรส" และ "ประวัติการทำงาน" ไม่มีตัวเลือก "N/A" เหมือนช่องอื่นๆ! ต้องกรอก "N/A" หรือ "0" (ตัวเลข) ในช่องวันที่แทน... ทำเอาปวดหัวไปเลย! 😡

บทเรียน: ถ้าติดปัญหาอะไรในการกรอกแบบฟอร์ม... เข้าไปดูคำถามที่พบบ่อย (Q&A) ในเว็บเลยค่ะ! 🤓

  • หลักฐานการเงิน: ทางศูนย์รับเฉพาะสำเนาสมุดบัญชีธนาคาร (ต้องมีเงินในบัญชีมากกว่า 50,000 บาท) ไม่รับ statement รายเดือน
  • เอกสารอื่นๆ ที่เตรียม: เราเตรียม statement/สำเนาบัตรเครดิตไปด้วย... แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้!
  • แผนการเดินทาง: บอกแผนการเดินทางอย่างละเอียดในแบบฟอร์มออนไลน์!
  • หนังสือรับรองการเดินทางของบุตร: เป็นเอกสารสำคัญ! เตรียมไว้ให้พร้อม
  • หนังสือเชิญจากประเทศจีน: สแกนจากทางฝั่งจีน แล้วนำมาพิมพ์
  • สำเนาบัตรประชาชน: อย่าลืมพกติดตัวไปด้วย ถ้าไม่มี จะต้องไปถ่ายเอกสารที่ศูนย์ (5 บาท/แผ่น)
  • สำเนาสูติบัตรของเด็ก: สำคัญมาก!
  • ไม่ต้องจองคิว: ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 เป็นต้นไป ไม่ต้องจองคิว! ไปถึงศูนย์ได้เลย! แนะนำให้ไปแต่เช้านะคะ เพราะคนเยอะมาก! (เห็นเจ้าหน้าที่ต้องใช้ตะกร้าใบใหญ่ใส่พาสปอร์ตเลย!)
  • ที่อยู่ศูนย์: ชั้น 16, Saigon Trade Center, 37 ถนน Ton Duc Thang, เขต 1, โฮจิมินห์ซิตี้
  • ค่าธรรมเนียม: ค่าธรรมเนียมวีซ่า 690,000 ดอง/วีซ่า (ประมาณ 1,000 บาท) หลังจากยื่นเอกสารแล้ว จะต้องจ่ายเพิ่มอีก 45 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1,500 บาท)

เรื่องฮาๆ: ตอนแรกเข้าใจผิดว่าต้องจ่าย 90 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับ 2 วีซ่า! เลยต้องรีบไปแลกเงินดอลลาร์มา... 😅 พอไปถามอีกที เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าลูกค้าจ่าย 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ทอนให้! 😂

สรุป... ทำเองทั้งหมด เพื่อความสะใจ! และประหยัดค่าบริการ (500-800 บาท/วีซ่า) แต่ก็ไม่แน่ใจว่าประหยัดจริงไหม เพราะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าถ่ายเอกสาร, ค่ารูปถ่าย, ค่าพิมพ์ statement, ค่าฉลองหลังได้วีซ่า... 😂

เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนตะลุยจีน!

  • Alipay: โหลดแอป Alipay ไว้เลย!
  • ซิมการ์ด: ข้อผิดพลาดคือเราไม่ได้ซื้อซิมการ์ดล่วงหน้า! ทำให้ช่วงแรกๆ ต้องขอ Wi-Fi จากคนอื่น... (เพราะคนจีนส่วนใหญ่ไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ และ Wi-Fi ฟรีในห้างต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ท้องถิ่นเพื่อรับรหัส SMS)
  • WeChat: วันกลับยังเข้า Wechat ไม่ได้เลย! 😅
  • แอปจำเป็น: Alipay, แอป "Translate" (แปลภาษา), แอป "Maps" (แผนที่) ของ Apple (Google Maps ใช้ไม่ได้), "Astrill VPN" (สำหรับใช้ Facebook, Zalo...)

ความรู้สึกหลังทริปจีน!

  • สั่งอาหารไม่ต้องพูด: ชอบที่สุดคือไม่ต้องเปิดปากสั่ง! (แต่พนักงานอาจจะไม่ค่อยยิ้มแย้มเท่าไหร่... 😅) สแกน QR Code บน Alipay, ดูเมนู, สั่งอาหาร, จ่ายเงิน... อาหารจะถูกนำมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ!
  • Alipay + Didi: Alipay มี Didi (แอปเรียกรถเหมือน Grab) ด้วย! ราคาดีมาก!
  • Alipay + ตั๋วรถไฟ: สามารถซื้อตั๋วรถไฟผ่าน Alipay ได้!
  • ห้องน้ำ: ห้องน้ำสาธารณะส่วนใหญ่ไม่มีกระดาษชำระ! ถ้าอยากใช้กระดาษ ต้องจ่ายเงินผ่านแอป! 😭 (โชคดีที่เราพกกระดาษไปเอง หรือเห็นคนอื่นดึงกระดาษจากอ่างล้างหน้าออกมาใช้)
  • โลชั่น: พกโลชั่นดีๆ ไปเลย! เพราะอากาศหนาว อาจทำให้ผิวแห้งและแตกได้! (เราไม่ได้พกไปเยอะ เลยต้องทนกับผิวแห้งๆ ไป)
  • ผลไม้: กินทุกอย่าง! โดยเฉพาะมะม่วงที่อร่อยมาก! ลูกยาวๆ เม็ดบางๆ! อาหารส่วนใหญ่มีรสชาติจัดจ้านและมันๆ แต่ก็พอรับได้!
  • อาหาร: อาหารหนึ่งจาน หรือปริมาณอาหารหนึ่งอย่าง เยอะมาก!
  • คาเฟ่: ที่จีนมีตัวเลือกคาเฟ่น้อยมาก! ทำให้เราคิดถึงคาเฟ่ในไทยเลย! Starbucks ราคาแพงกว่า แถมรสชาติก็ต่างกันด้วย!

สถานที่เที่ยวสุดประทับใจ:

เราไปเที่ยวหลายที่ เช่น:

  • เขต SIP ในซูโจว: สวยมาก! มีต้นไม้และดอกไม้เยอะมาก!
  • Pingjiang Road: คนเยอะ!
  • Humble Administrator's Garden: คนเยอะ!
  • Yangcheng Lake: ทะเลสาบกว้างใหญ่! เราได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม!

ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้! ถ้ามีคำถามเพิ่มเติม ถามมาได้เลยนะคะ! ถ้าเรารู้จะตอบให้ค่ะ! 😊

ภาพถ่าย Yangcheng Lake

ภาพถ่าย Yangcheng Lake

```

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า